top of page

          บ้านภู มีความโดดเด่นด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวผู้ไทย ทั้งด้านภาษา การแต่งกาย ดนตรีพื้นบ้านวิถีการดำเนินชีวิตที่พอเพียง จนเป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ และมีการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม มีกิจกรรมท่องเที่ยวพร้อมทั้งฐานเรียนรู้ และบ้านพักโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวผู้ไทย ชาวบ้านภูได้กล่าวไว้ว่า ข้อดีของการมาเที่ยวบ้านภู คือ นักท่องเที่ยวจะได้รับของดี 3 อ. ได้แก่ อากาศดี อาหารดี และอารมณ์ดี

กิจกรรมท่องเที่ยว และแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

ขบวนต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบชาวผู้ไทยบ้านภู

          ชาวบ้านภูต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ด้วยรอยยิ้ม ของขบวนต้อนรับในชุดผู้ไทย พร้อมพวงมาลัยที่เตรียมมาคล้องคอเพื่อเป็นการต้อนรับสู่ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านภู และตื่นตาตื่นใจ สนุกสนานกับขบวนแห่กล้องตุ้มและการฟ้อนรำที่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวผู้ไทย

กราบขอพรในพระอุโบสถ วัดศรีนันทาราม

          พระอุโบสถ ภายในวัดศรีนันทาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2474 เป็นอุโบสถเก่าแก่ที่สร้างโดยช่างเวียดนาม จึงมีศิลปะภาพวาดแบบเวียดนามผสมอีสาน ลวดลายภาพวาดเป็นแบบช่างเวียดนาม ภาพในเป็นภาพวัดพระพุทธรูป แบบต่างๆ หน้าบันสิม ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูป รูปแจกันแบบเวียดนาม และเสือ หน้าบันด้านหลังสิม เป็นรูปครุฑจับนาค ตามแบบเวียดนาม ทางเข้าสิม มีทวารบาล ที่ปั้นเป็นรูปทหารถือปืน

เที่ยวชมหมู่บ้าน และแหล่งการเรียนรู้ 6 ฐาน

          แหล่งเรียนรู้ 6 ฐาน แต่ละฐานนั้นกระจายอยู่ภายในหมู่บ้าน ได้แก่ ฐานที่ 1 ด้านการลดรายจ่าย ฐานที่ 2 ด้านการเพิ่มรายได้ (เรียนรู้การทำสบู่สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ชุมชน) ฐานที่ 3 ด้านการประหยัด ฐานที่ 4 ด้านการเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน วิถีชุมชนเผ่าผู้ไทยบ้านภู ฐานที่ 5 ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และฐานที่ 6 ด้านการเอื้ออารี การจัดสวัสดิการสงเคราะห์ ช่วยเหลือ ภายในชุมชน โดยแต่ละฐานจะมีบรรยายจากวิทยากรประจำฐาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และทดลองทำกิจกรรมประจำฐาน โดยฐานเรียนรู้แต่ละฐานล้วนสะท้อนถึงการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของคนในชุมชน

เดินเล่นชมวิวทุ่งนายามเช้า - เย็น

          ชาวบ้านภูส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ดินบริเวณนี้ชาวบ้านบอกว่าเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการใช้สารเคมีในการทำการเกษตรน้อย

ในฤดูทำนาทุ่งนาในหมู่บ้านจะเขียวขจี และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็จะเห็นทุ่งข้าวเหลืองเต็มทุ่ง ล้อมรอบด้วยภูเขา 5 ลูก ได้แก่ ภูผาขาว ผู้จ้อก้อ

ภูหินเหล็กไฟ ภูผาแดง และภูผาเม่น บริเวณทุ่งนาจึงเป็นสถานที่เหมาะแก่การเดินเล่นรับลมในยามเช้าเย็น

ทดลองหาอาหารธรรมชาติพื้นบ้านแบบชาวผู้ไทยบ้านภู

          อาหารพื้นบ้านของชาวบ้านภู ส่วนใหญ่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติในท้องถิ่นตามลำห้วย ทุ่งนา และป่าชุมชน ชาวบ้านมีวิธีการหาของกินตามภูมิปัญญาของชาวผู้ไทยที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และบางอย่างมีการดัดแปลงประยุกต์เอาอุปกรณ์สมัยใหม่ผสมกับภูมิปัญญาเดิมมาใช้ เช่น การดักหนูด้วยบ่วง การดักกุ้งในลำห้วย การขุดหอยขม เป็นต้น นำมาปรุงประกอบเป็นเมนูอาหารท้องถิ่นได้หลายเมนู เช่น แกงอ่อมหนูนา กุ้งเต้น แกงหอยขม เป็นต้น กิจกรรมนี้ได้ทั้งความสนุกสนาน ไปพร้อมกับการเรียนรู้วิธีการหาอาหารตามธรรมชาติ เห็นถึงการได้มาของอาหาร เรียนรู้การทำและลิ้มลองรับประทานอาหารท้องถิ่น

เรียนรู้การทำผ้าหมักโคลนและการทำผ้ามัดย้อมด้วยสีธรรมชาติ

          “ผ้าหมักโคลน” เป็นภูมิปัญญาของชนเผ่าผู้ไทยในอำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ที่สืบทอดการทำมามาตั้งแต่โบราณ และยังคงสืบทอดการทำมาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นต้นกำเนิดของการผลิตผ้าหมักโคลน จึงกลายเป็นเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ

          ข้อดีของการนำผ้าไปหมักโคลน คือ โคลนช่วยจับสีทำให้สีเข้มขึ้น สีติดทนนาน ทำให้ผ้านุ่ม อีกทั้งโคลนเป็นสมุนไพร มีคุณสมบัติดูดสารพิษออกจากร่างกาย

          ชุมชนเผ่าผู้ไทยบ้านภู มีกลุ่มทำผ้าหมักโคลนและการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ที่ชุมชนทำจำหน่ายคือ ผ้าพันคอ และผ้าคลุมไหล่ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “ภูฝ้าย” นักท่องเที่ยวที่มีความสนใจกิจกรรมการทำผ้าหมักโคลนและผ้ามัดย้อมด้วยสีธรรมชาติ สามารถร่วมเรียนรู้ ลงมือทำตั้งแต่ขั้นตอนการทำ เทคนิควิธีการ ตามแบบภูมิปัญญาชุมชน จนได้ผลิตภัณฑ์ฝีมือตัวเองมาเป็นของที่ระลึก ซึ่งเป็นผลงานที่ให้มีคุณค่าจากการลงมือทำ สัมผัสถึง “ไอดิน กลิ่นโคลน” สโลแกนของผ้าหมักโคลนบ้านภู

กิจกรรมพาแลง และพิธีบายศรีสู่ขวัญ

          การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีที่สำคัญของชาวอีสาน เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจที่ดี ชาวอีสานมีความเชื่อว่าการสู่ขวัญช่วยทำให้เกิดความเป็นมงคล มีความสุข มีโชคลาภ ปราศจากเคราะห์ร้าย ดังนั้นชาวบ้านภูจึงเชื่อว่ากิจกรรมบายศรีสู่ขวัญจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดสิริมงคลกับชีวิต โดยผู้นำในพิธีหรือหมอสูตรขวัญหรือพ่อพราหมณ์จะกล่าวเชิญขวัญให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวของผู้เข้าร่วมพิธีหรือเจ้าของขวัญ และให้ผู้เฒ่าผู้แก่ผูกข้อมือให้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

          หลังจากทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จเรียบร้อย นักท่องเที่ยวและได้กินพาแลง เป็นอาหารท้องถิ่น เช่น แกงหวายใส่ไก่ ปลานึ่ง แกงหน่อไม้ แจ่วซอมภูไท ผักปลอดสารพิษตามฤดูกาล เป็นต้น ระหว่างกินพาแลง มีการแสดงฟ้อนกล้องตุ้มและฟ้อนภูไทยให้นักท่องเที่ยวได้ชม ปิดท้ายด้วยการเต้นรำวงร่วมกันระหว่างนักท่องเที่ยวกับชาวบ้าน กิจกรรมพาแลง และพิธีบายศรีสู่ขวัญนี้ ถือว่าเป็นไฮไลต์ในยามค่ำคืนของการมาท่องเที่ยวบ้านภูก็ว่าได้ เพราะเป็นงานเลี้ยงที่นักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานกับกิจกรรมการแสดง โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในช่วงค่ำ บริเวณลานวัฒนธรรม ภายในวัดศรีนันทาราม ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ประสงค์จะพักค้างคืนบ้านพักโฮมสเตย์ แต่ตั้งใจมากินพาแลงและชมการแสดงแล้วเดินทางกลับก็สามารถทำได้เช่นกัน

พักค้างคืนโฮมสเตย์

          บ้านภู มีที่พักโฮมสเตย์มีประมาณ 40 หลัง เปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2549 บ้านพักโฮมเสตย์ ได้รับมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีการกินอยู่หลับนอนของชาวผู้ไทยได้อย่างลึกซึ้ง เช่น การร่วมกันทำอาหาร ตามชาวบ้านไปสวนไร่นา ตักบาตรยามเช้า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเจ้าของบ้านกับนักท่องเที่ยว

ชมงานแกะสลักไม้ และภาพวาดแนว abstract art

          คุณวรวัชร สุนทรส ชาวบ้านภู เจ้าของงานแกะสลักไม้และภาพวาดแนว abstract art หรือศิลปะนามธรรม เป็นงานศิลปะที่แสดงความรู้สึกของมนุษย์ต่อธรรมชาติแวดล้อม ถ่ายทอดเป็นรูปภาพ เป็นศิลปะที่ยากต่อการเข้าใจ และตีความได้หลายแบบ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะแนวนี้ สามารถแวะชมได้ที่บ้านคุณวรวัชร บ้านภู จังหวัดมุกดาหาร

bottom of page